ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

เอเซอร์นำร่อง'ไอโคเนีย บี1'แทบเล็ต3พันบาท

นายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย)

เอเซอร์ดึง "ไอโคเนีย บี1" ราคา 3,xxx บาท นำร่องแทบเล็ตอินเตอร์แบรนด์ราคาต่ำ พร้อมได้ฤกษ์ส่ง "สมาร์ทโฟนอินเทล" คาดเปิดตัวโมบาย เอ็กซ์โป
นายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย)กล่าวว่า บริษัทเตรียมนำเข้าแทบเล็ตราคาต่ำ "ไอโคเนีย บี1" ที่กำลังจะเปิดตัวในตลาดโลกราคา 99 ดอลลาร์ หรือราว 3,000 บาท เข้าทำตลาดไทยเป็นประเทศแรก โดยเน้นกลุ่มการศึกษาซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายโครงการแทบเล็ตสำหรับเด็ก ป.1 ของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นตลาดได้มหาศาล
ทั้งนี้คุณสมบัติเบื้องต้นจะใช้จอขนาด 7 นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 4 ขึ้นไป และตั้งราคาขายในไทยราคาราว 3,xxx บาท ซึ่งจะถือเป็นผู้ผลิตพีซีแบรนด์แรกที่ทำแทบเล็ตราคาต่ำ คุณภาพดีเข้ามาขาย
นายหยางระบุว่า รัฐบาลไทยกำลังจะมีโครงการแจกแทบเล็ตให้เด็กนักเรียนเฟส 2 อีกราว 1.6 ล้านเครื่องในปีนี้ ซึ่งบริษัทสนใจจะเข้าร่วมโครงการด้วย
"เราสนใจอยู่แล้ว เพราะนอกจากฮาร์ดแวร์ราคาต่ำลงแล้ว ก็ยังมีโซลูชั่นที่ครบวงจรใส่เข้ามาด้วย รวมทั้งซีเคียวริตี้และการบริการหลังการขายที่ดี แต่เราก็ไม่รอจนโครงการเกิดแล้วค่อยนำเข้ามา เพราะตลาดตอนนี้มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มการศึกษา เพราะรัฐแจกให้เด็กใช้ที่โรงเรียน แต่กลับบ้านก็อยากจะมีเครื่องใช้ที่บ้าน ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับเรา"
พร้อมกันนี้เอเซอร์ยังวางแผนเปิดตัวมือถือรุ่นแรกที่ใช้โปรเซสเซอร์ "อะตอม" ของอินเทลเข้ามาทำตลาดในไทยเป็นแบรนด์แรก โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในงานโมบาย เอ็กซ์โป 2013 ที่มีกำหนดจัดระหว่าง 7-10 ก.พ.นี้ โดยทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ราคาราว 8,000-9,000 บาท
ผู้บริหารเอเซอร์เผยว่า ปีนี้เป็นตลาดใหญ่ของแทบเล็ตและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งเชื่อว่าเฉพาะ "แทบเล็ต" จะเติบโตมากกว่า 300% ในตลาดรวม หรือมียอดขายเฉพาะแอนดรอยด์แทบเล็ตอย่างเดียวรวมทุกแบรนด์ 1 ล้านเครื่อง ไม่รวมยอดขายไอแพดที่คาดว่าจะมีอีกราว 1 ล้านเครื่องในปีนี้
ขณะที่แนวโน้มยอดขายพีซีคาดว่าจะยังคงที่ในครึ่งปีแรกและเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะสินค้าใหม่ๆ ฝั่งแทบเล็ตและสมาร์ทโฟนที่กำลังจะออกมา
อย่างไรก็ตามตลาด "โน้ตบุ๊ค" จะเริ่มปรับตัวเป็นแบบ "ไฮบริด" หรือผสมผสานระหว่างแทบเล็ตและโน้ตบุ๊ค ส่วน "อัลตราบุ๊ค" หรือโน้ตบุ๊คที่มีคอนเซปต์บางเบา แบตเตอร์รี่ทนทานก็จะเริ่มปรับราคาต่ำกว่า 20,000 บาทจากปัจจุบันหลัก 30,000 บาท ส่วน "เดสก์ทอป" ก็จะปรับตัวเป็นแบบออลอินวันและมีผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่มเหมือนกับเน็ตบุ๊ค
"ตลาดปีนี้คึกคัก เพราะแทบเล็ตและสมาร์ทโฟนซึ่งเอเซอร์ก็จะโฟกัสมากขึ้นโดยเฉพาะแทบเล็ตที่จะมีตั้งแต่ราคาถูกจนถึงไฮเอ็นด์ใช้วินโดว์ส โดยคาดว่าจะขายแทบเล็ตแอนดรอยด์ให้ได้เดือนละ 30,000 เครื่องและวินโดว์สอีกเดือนละ 10,000 เครื่อง แต่พอร์ตใหญ่ของเราก็ยังเป็นโน้ตบุ๊คที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 อยู่ที่สัดส่วนราว 30-35%"
ปีนี้ เอเซอร์ตั้งเป้ามียอดขายรวมทุกกลุ่มสินค้าเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2555 ที่มียอดขายรวม 15,000 ล้านบาท

Cr: www.bangkokbiznews.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น