เอเซอร์ดึง "ไอโคเนีย บี1" ราคา 3,xxx บาท นำร่องแทบเล็ตอินเตอร์แบรนด์ราคาต่ำ พร้อมได้ฤกษ์ส่ง "สมาร์ทโฟนอินเทล" คาดเปิดตัวโมบาย เอ็กซ์โป
นายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย)กล่าวว่า บริษัทเตรียมนำเข้าแทบเล็ตราคาต่ำ "ไอโคเนีย บี1" ที่กำลังจะเปิดตัวในตลาดโลกราคา 99 ดอลลาร์ หรือราว 3,000 บาท เข้าทำตลาดไทยเป็นประเทศแรก โดยเน้นกลุ่มการศึกษาซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายโครงการแทบเล็ตสำหรับเด็ก ป.1 ของรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นตลาดได้มหาศาล
ทั้งนี้คุณสมบัติเบื้องต้นจะใช้จอขนาด 7 นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 4 ขึ้นไป และตั้งราคาขายในไทยราคาราว 3,xxx บาท ซึ่งจะถือเป็นผู้ผลิตพีซีแบรนด์แรกที่ทำแทบเล็ตราคาต่ำ คุณภาพดีเข้ามาขาย
นายหยางระบุว่า รัฐบาลไทยกำลังจะมีโครงการแจกแทบเล็ตให้เด็กนักเรียนเฟส 2 อีกราว 1.6 ล้านเครื่องในปีนี้ ซึ่งบริษัทสนใจจะเข้าร่วมโครงการด้วย
"เราสนใจอยู่แล้ว เพราะนอกจากฮาร์ดแวร์ราคาต่ำลงแล้ว ก็ยังมีโซลูชั่นที่ครบวงจรใส่เข้ามาด้วย รวมทั้งซีเคียวริตี้และการบริการหลังการขายที่ดี แต่เราก็ไม่รอจนโครงการเกิดแล้วค่อยนำเข้ามา เพราะตลาดตอนนี้มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มการศึกษา เพราะรัฐแจกให้เด็กใช้ที่โรงเรียน แต่กลับบ้านก็อยากจะมีเครื่องใช้ที่บ้าน ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับเรา"
พร้อมกันนี้เอเซอร์ยังวางแผนเปิดตัวมือถือรุ่นแรกที่ใช้โปรเซสเซอร์ "อะตอม" ของอินเทลเข้ามาทำตลาดในไทยเป็นแบรนด์แรก โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในงานโมบาย เอ็กซ์โป 2013 ที่มีกำหนดจัดระหว่าง 7-10 ก.พ.นี้ โดยทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ราคาราว 8,000-9,000 บาท
ผู้บริหารเอเซอร์เผยว่า ปีนี้เป็นตลาดใหญ่ของแทบเล็ตและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งเชื่อว่าเฉพาะ "แทบเล็ต" จะเติบโตมากกว่า 300% ในตลาดรวม หรือมียอดขายเฉพาะแอนดรอยด์แทบเล็ตอย่างเดียวรวมทุกแบรนด์ 1 ล้านเครื่อง ไม่รวมยอดขายไอแพดที่คาดว่าจะมีอีกราว 1 ล้านเครื่องในปีนี้
ขณะที่แนวโน้มยอดขายพีซีคาดว่าจะยังคงที่ในครึ่งปีแรกและเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะสินค้าใหม่ๆ ฝั่งแทบเล็ตและสมาร์ทโฟนที่กำลังจะออกมา
อย่างไรก็ตามตลาด "โน้ตบุ๊ค" จะเริ่มปรับตัวเป็นแบบ "ไฮบริด" หรือผสมผสานระหว่างแทบเล็ตและโน้ตบุ๊ค ส่วน "อัลตราบุ๊ค" หรือโน้ตบุ๊คที่มีคอนเซปต์บางเบา แบตเตอร์รี่ทนทานก็จะเริ่มปรับราคาต่ำกว่า 20,000 บาทจากปัจจุบันหลัก 30,000 บาท ส่วน "เดสก์ทอป" ก็จะปรับตัวเป็นแบบออลอินวันและมีผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่มเหมือนกับเน็ตบุ๊ค
"ตลาดปีนี้คึกคัก เพราะแทบเล็ตและสมาร์ทโฟนซึ่งเอเซอร์ก็จะโฟกัสมากขึ้นโดยเฉพาะแทบเล็ตที่จะมีตั้งแต่ราคาถูกจนถึงไฮเอ็นด์ใช้วินโดว์ส โดยคาดว่าจะขายแทบเล็ตแอนดรอยด์ให้ได้เดือนละ 30,000 เครื่องและวินโดว์สอีกเดือนละ 10,000 เครื่อง แต่พอร์ตใหญ่ของเราก็ยังเป็นโน้ตบุ๊คที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 อยู่ที่สัดส่วนราว 30-35%"
ปีนี้ เอเซอร์ตั้งเป้ามียอดขายรวมทุกกลุ่มสินค้าเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2555 ที่มียอดขายรวม 15,000 ล้านบาท
Cr: www.bangkokbiznews.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น