ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

ค่าแรง 300 บาท 'ไม่สะเทือน' ค้าปลีกไอที


ผู้ประกอบการไอทีชี้ 300 บาท ไม่สะเทือนต้นทุน เหตุค่าจ้างแรงงานส่วนใหญ่สูงกว่าแรงงานขั้นต่ำอยู่แล้ว
สิ้นสุดเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ ได้เวลาการเริ่มต้นอีกครั้ง นับจากนี้คงต้องจับตาดูกันอย่างใกล้ชิดว่าแวดวงค้าปลีกไอทีปีงูเล็กที่รับมรดกปัจจัยลบ และปัญหาพาเสี่ยงปีที่ผ่านมา ทั้งวิกฤติเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ การเมืองภายในที่สุดจะคาดเดา และโดยเฉพาะค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ที่พาต้นทุนพุ่งจะมีทิศทางอย่างไร...
พันธุ์ทิพย์เชื่อตลาดไอทีปรับตัวได้
นายยงยุทธ ไชยชนะ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าไอที บริษัท ทิพย์พัฒน อาร์เขต จำกัด ในกลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ กล่าวว่า กฎหมายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท กระทบต่อต้นทุนการบริหารของพันธุ์ทิพย์ราว 5% ซึ่งถือว่าไม่มาก เพราะจำนวนพนักงานทุกสาขารวมกันราว 200 คน ทั้งส่วนของพนักงานจ้างรายวันส่วนใหญ่จะใช้บริการเอาท์ซอร์ส และบริษัทก็พยายามบริหารรายได้เพิ่มเติมให้อยู่ในจุดที่สามารถรับภาระที่เพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตามบริษัทก็ยังต้องรอประเมินแนวโน้มตลาดไอทีไตรมาส 1 และ 2 อีกครั้ง แต่ก็ยังเชื่อว่าจะยังเติบโตได้ดี
"ทุกอุตสาหกรรมก็ต้องได้รับผลกระทบอยู่แล้ว เพราะเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่การหารายได้มาชดเชยของแต่ละอุตสาหกรรม สำหรับตลาดไอทีก็ยังถือว่าโอเค พอรับได้" นายยงยุทธกล่าว
พร้อมกับคาดการณ์ว่า ตลาดไอทีในภาพรวมปี 2556 ก็จะยังเติบโตได้ดี โดยประเมินจากสภาพตลาดที่สามารถเติบโตได้แม้จะมีวิกฤติต่างๆ ไม่ว่าจะปัญหาเศรษฐกิจ หรือภัยธรรมชาติ ประกอบกับภาครัฐก็กระตุ้นการใช้จ่ายที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทำให้ตลาดไอทีก็ต้องปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อม
แต่ทั้งนี้อาจต้องจับตาการแข่งขันของตลาดค้าปลีกไอทีที่เริ่มมีตลาดนอกไอทีมอลล์กระจายไปสู่กลุ่มโมเดิร์น เทรดมากขึ้น ทำให้การแข่งขันมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น เพื่อสร้างความพึงพอใจให้ผู้บริโภค
เจไอบีเกาะแทบเล็ตชดเชย
นายสมยศ เชาวลิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารร้านค้าปลีกไอทีภายใต้ชื่อ "เจไอบี" กล่าวว่า ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจะมีผลกระทบกับต้นทุนการบริหารจัดการของบริษัทเล็กน้อย ดังนั้นจึงต้องหาวิธีการสร้างกำไรช่วยชดเชย โดยเบื้องต้นเตรียมหันไปโฟกัสการทำตลาดสินค้าที่ให้ส่วนต่างกำไรมากกว่า ทั้งอุปกรณ์เสริม สมาร์ทโฟน และแทบเล็ต ไม่ใช้วิธีการขึ้นราคาสินค้า และให้ทางผู้ผลิตเป็นผู้กำหนดมาเอง
ทั้งนี้ภายในไตรมาสที่ 1 จะปรับโฉมให้สาขาต่างๆ มีพื้นที่ขายแทบเล็ตและสมาร์ทโฟนจำนวน 50 สาขา เน้นที่ตลาดล่างเป็นหลัก เช่นแบรนด์ไอโกะ รวมทั้งจะเพิ่มสินค้าของเอเซอร์และเอซุสเข้ามาเสริม ส่วนสมาร์ทโฟนหลักๆ มี 3 แบรนด์คือซัมซุง เอชทีซีและโนเกีย
เขาประเมินว่า ตลาดไอทีปี 2556 จะเติบโตที่ราว 10% ความเสี่ยงเรื่องรถคันแรกหรือภัยพิบัติคงไม่มีแล้ว แต่การแข่งขันระหว่างผู้เล่นจะรุนแรงมากขึ้นส่งผลให้รายเล็กอยู่ยาก และอีกไม่กี่ปีจะเหลือแต่รายใหญ่เพียงไม่กี่ราย
“แต่ละเจ้าคงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อดึงฐานลูกค้าของตัวเองไว้ เราเองเตรียมขยายสาขาเพิ่มในพื้นที่ต่างจังหวัดอีกอย่างน้อย 20 สาขา” นายสมยศเผย
ไอทีซิตี้มองตลาดเป็นบวก
นายเอกชัย ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ไอที ซิตี้ กล่าวว่า ในวงการไอทีแรงงานส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ปริญญาตรีอยู่แล้ว และได้รับค่าจ้างมากกว่าวันละ 300 บาท ดังนั้นกฎหมายค่าแรงใหม่จึงไม่ส่งผลกระทบกับต้นทุนธุรกิจมากนัก รวมถึงไอทีซิตี้ที่พนักงานส่วนใหญ่ในจำนวนเกือบ 2,000 คน เริ่มต้นที่ระดับปริญญาตรี
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงธุรกิจที่น่าจะต้องจับตาในปี 2556 บริษัทมองว่าเป็นเรื่องต่อเนื่องจากปี 2555 คือ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลต่อการเติบโตของตลาด แต่ก็เชื่อว่าจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นและไอทีซิตี้ก็ยังมองตลาดว่ามีแนวโน้มเติบโตเป็นบวกจากเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดในปี 2556
แอดไวซ์คาดดันกำลังซื้อเพิ่ม
นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยร่วมค้าเดอะซิสเต็ม จำกัด (แอดไวซ์) ยักษ์ค้าปลีกและค้าส่งไอทีภูธร กล่าวว่า บริษัทมองเชิงบวกว่าค่าแรงที่เพิ่มขึ้นยิ่งทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะระดับล่างเพิ่มมากขึ้นตาม ขณะที่ต้นทุนการบริหารจัดการบริษัทไม่กระทบเลยเพราะแรงงานด้านไอทีส่วนใหญ่ได้รับค่าจ้างเกินกว่าที่รัฐกำหนดอยู่แล้ว
สำหรับปัจจัยด้านการเมืองนั้นคาดเดายาก แต่ละปีสถานการณ์แตกต่างกันไป ที่ผ่านมาแอดไวซ์มักไม่ได้รับผลกระทบเพราะฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ขณะเดียวกันแม้ระหว่างวิกฤติยังเห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคไม่ได้ขาดหายไป
“การบริหารความเสี่ยงแต่ละปีเราคิดไว้ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ และมองลึกไปถึงจุดคุ้มทุนโดยที่ยอมรับได้คือ 20-30% และเชื่อว่าหากภาครัฐแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ภายใน 3 เดือนผลกระทบย่อมมาไม่ถึงเรา หรืออย่างช้าที่สุด 6 เดือน เราก็สามารถอยู่รอดได้”
เขาระบุด้วยว่า ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือการรวมตัวของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ 3 รายที่มีโอกาสทำให้รายเล็กอยู่รอดยาก จากเดิมที่แบ่งเค้กกันไปคนละนิดกลายเป็นว่าถ้าคว้าก้อนใหญ่ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้อะไรเลย อีกประเด็นคือผู้ที่เข้าไปทำการค้าต่างประเทศ เช่นพม่าซึ่งกำลังมีปัญหาภายในและกฎเกณฑ์การทำธุรกิจยังไม่แน่นอน
ซีเอสซีชี้แทบเล็ตป.1สร้างดีมานด์
นายราเชนทร์ อ่วมแก้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอมพิวเตอร์ ซิสเท็ม คอนเน็คชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ซีเอสซี) กล่าวว่า บริษัทกำลังปรับฐานเงินเดือนพนักงานขั้นต่ำให้เป็น 9,000 บาท ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบ เพราะโครงสร้างกำไรเติบโตขึ้นตามการขยายธุรกิจ จากปีนี้ที่รายได้ปิดที่ 3,300 ล้านบาท ปีหน้าตั้งเป้าไว้ที่ 6,000 ล้านบาท
เขากล่าวว่า ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสต็อกสินค้าแบบเรียลไทม์เพื่อลดความเสี่ยง รวมถึงเตรียมทุ่มงบลงทุนเพื่อขยายสาขาเพิ่มอีก 50 แห่ง พร้อมโหมกลยุทธ์ด้านโปรโมชั่นเต็มรูปแบบ คาดว่าสินค้าจะพอเพียงต่อการจำหน่ายแน่นอน เห็นได้จากผู้ผลิตที่มีความพร้อมเต็มที่ เช่น ซัมซุงขอเพิ่มจำนวนมือถือที่วางจำหน่าย โนเกียตั้งเป้ายอดขายจากบริษัทเพิ่ม 2 เท่าสานเป้าหมายทวงแชมป์กลับคืน
“การเมืองค่อนข้างสงบนิ่ง ภัยพิบัติก็ผ่านพ้นไปแล้ว แม้ปีนี้ตลาดจะค่อนข้างหดตัว แต่ปีหน้าเชื่อว่าค้าปลีกไอทียังมีโอกาสเติบโตได้อีกอย่างน้อย 15% ด้วยแรงกระตุ้นของกำลังที่ฟื้นกลับคืน วินโดว์ส 8 ประกอบกับโครงการแทบเล็ตนักเรียนของรัฐบาลที่ช่วยสร้างกระแสให้ตลาดแทบเล็ตเติบโตมากขึ้นไปอีก”
เจมาร์ทหวัง 3จี ดันตลาด
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจมาร์ท กล่าวว่า ตลาดค้าปลีกโทรศัพท์มือถือ และบริษัทไม่น่าจะได้รับผลกระทบใดๆ ต่อประเด็นนี้เนื่องจากจ่ายค่าแรงให้พนักงานมากกว่าอยู่ก่อนแล้ว ด้านต้นทุนของสินค้าคงต้องรอดูสถานการณ์และสอบถามไปทางผู้ผลิตอีกทีหนึ่งว่าจะเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงอื่นๆ คิดว่ามีน้อยมากเนื่องจาก 3 จีก็เกิดแล้วอย่างเป็นรูปธรรม หากจะมีคงเป็นที่ตัวเองที่ต้องบริหารจัดการสต็อกสินค้าและเลือกรุ่นเข้ามาจำหน่ายให้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้เชื่อว่าประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดมานานจะทำให้ในภาพรวมไม่มีปัญหาอะไร
นายนคร จันทิหล้า ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการตลาด ศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต กล่าวว่า อัตราค่าจ้างแรงงานของบริษัทสูงกว่ากฎหมายค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้วราว 10% ดังนั้นกฎหมายใหม่จึงไม่กระทบกับต้นทุนมากนัก
นอกจากนี้ ปี 2556 บริษัทก็ยังมองตลาดค้าปลีกไอทีเป็นบวก จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เปิดตัวซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการซื้อสินค้าสูงขึ้น โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการวินโดว์ส 8 ที่เป็นความหวังของตลาดไอที
แต่ทั้งนี้บริษัทก็คงจะต้องดูแลร้านค้าภายในศูนย์ให้ดีมากขึ้น เพราะรายได้ของบริษัทมาจากผู้เช่าพื้นที่เป็นหลัก บริษัทก็ต้องหาวิธีช่วยให้ผู้ค้าอยู่ได้ เช่น การจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการซื้อแทนที่จะรอให้ลูกค้าเดินเข้าร้านอย่างเดียว

Cr: www.bangkokbiznews.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น