ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

กลยุทธ์โอเปอเรเตอร์ เมื่อ3Gเข้าสู่ยุคGeneration Now


ตั้งแต่ปลายปี 2555 ก้าวสู่ปี 2556 ต้องบอกว่าเรื่องราวของโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี ย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ หลัง กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ออกใบอนุญาตให้กับบรรดาผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ชนะการประมูลทั้ง 3 ราย
ไล่เลียงตั้งแต่ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด , บริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด และ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด เป็นระยะเวลา 15 ปี

alt    หลายคนตั้งคำถามว่าหลังหมดยุค 2.5 จี การมาของ 3 จี จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างไรบ้างนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมความคิดเห็นคนในแวดวงอุตสาหกรรมไอซีที ติดตามได้จากบรรทัดถัดจากนี้
*** ผ่องถ่ายลูกค้าจากสัมปทานสู่ระบบใบอนุญาต
    นายธนา เธียรอัจฉริยะ อดีตรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกิจการองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ปัจจุบันนั่งตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัด เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า   สำหรับการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2556 บรรดาผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเปิดให้บริการ โดยเครือข่ายเฟสแรกนั้นติดตั้งแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 3-4  เดือน ซึ่งการให้บริการนั้นจะผสมผสานระหว่างเครือข่ายเก่า คือ 2.5 จี และ เครือข่ายใหม่ 3 จี
    อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดให้บริการเชื่อว่าบรรดาผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะใช้กลยุทธ์ด้วยการให้ผู้ใช้บริการระบบเดิม คือ ระบบสัมปทาน ย้ายเข้ามาสู่ระบบใหม่ คือ ระบบใบอนุญาต ซึ่งการย้ายลูกค้าเข้ามาสู่ระบบใหม่นั้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ส่วนที่ลูกค้าใช้งานทางด้านดาต้าที่มีจำนวน 10% ของผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่, กลุ่มที่สอง คือ  กลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ยังไม่ใช้งานดาต้าแต่โทรศัพท์รองรับระบบ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ฐานลูกค้ากลุ่มนี้เชื่อว่าผู้ให้บริการจะเสนอแพ็กเกจในราคาที่ถูก และ กลุ่มที่3 คือ กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดไม่มีเครื่องที่รองรับการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งฐานลูกค้ากลุ่มนี้เชื่อว่าผู้ประกอบการยอมแบกรับภาระต้นทุนเครื่องลูกข่ายให้ลูกค้าเข้ามาสู่ระบบใหม่ อาจจะมีการเสนอราคาเครื่องที่ถูกสุด คือ 999 บาท
    นายธนา ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากบรรดาผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่เปิดให้บริการระบบ 3 จี  เชื่อว่างบโฆษณาประชาสัมพันธ์ในการโปรโมตจะมีสีสัน ขณะที่การให้บริการในเรื่องของแอพพลิเคชัน (เนื้อหา) อัตราการเติบโตอยู่ในระดับกลางต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยอีกประมาณ 1 ปี เนื่องจากในช่วงแรกผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะมุ่งเน้นเรื่องการให้ลูกค้าเข้ามาสู่ระบบใหม่
    "การมาของ 3 จีผู้ใช้บริการจะได้ใช้ของถูกลง และ ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตราคาถูกในกรุงเทพฯไม่มีผลมากนักแต่จะมีผลในพื้นที่ต่างจังหวัดและในพื้นที่ห่างไกลและเป็นโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้อย่างเท่าเทียมกัน"
*** สู่ยุค Generation Now
    นอกจากนี้นายธนา ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี จะส่งผลให้พฤติกรรมประเทศเปลี่ยนแปลงเพราะมีช่องทางเข้าถึงมากขึ้นมีการติดต่อสื่อสารแบบ 2 ทาง จากเดิมที่มีการสื่อสารแบบทางเดียว ดังนั้นผู้ประกอบการธุรกิจก็ต้องปรับตัวตามผู้บริโภคเพราะต่อไปตลาดจะเป็นลักษณะ Niche market (การทำสินค้าเฉพาะกลุ่ม)  เนื่องจากผู้บริโภคที่ชื่นชอบสินค้าจะจับกลุ่มรวมตัวกัน เช่น กลุ่มฟุตบอล,เครื่องสำอาง,แฟชั่น ฯลฯ จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและเมื่อผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าก็จะซื้อสินค้าในทันทีและถ้าไม่ชอบสินค้าก็จะต้องเปลี่ยนสินค้าในทันทีเช่นเดียวกัน
    "ผมเรียกคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ว่า Generation Now คือเด็กรุ่นใหม่ต้องการได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่รวดเร็วทันใจและทันทีทันใดเพราะการรอคอยถือว่าเป็นต้นทุนราคาแพง  และ เด็กรุ่นใหม่จะยอมจ่ายเงินเพื่อจะไม่ต้องรอหรือรอให้น้อยลงอีกคำพูดติดปากของคนรุ่นนี้คือ "จะเอาเดี๋ยวนี้"
***เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
    สำหรับนายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี เกิดปรากฏการณ์ด้วยกัน 3 ส่วน คือ 1.ในส่วนของการวางโครงสร้างระบบพื้นฐาน หรือ Infrastructure ด้วยการนำเครือข่ายระบบ 3 จี ที่เป็นรูปแบบไร้สายมาติดตั้งเพื่อให้บริการในลักษณะไวร์เลสอินเตอร์เน็ตทำให้ลดช่องว่าง Digital Device , 2.พฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ และ โน้ตบุ๊ก เป็นเครื่องที่สองในการเชื่อมต่อในทุกสถานที่ซึ่งถือว่าเป็นยุคที่ 2 หรือ 2.5 จี แต่มาในยุค 3 จี จะเปลี่ยนมาใช้แท็บเลตแทนที่โน้ตบุ๊ก และ ส่วนที่ 3 คือ ส่งผลต่อนักพัฒนาคอนเทนต์จะสร้างสรรค์เนื้อหาและพัฒนาบริการใหม่ ๆ ขึ้นมา เนื่องจากว่าคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ จะมีประสิทธิภาพในการรับ-ส่งข้อมูล อย่างรวดเร็ว
    "ในอดีตนักพัฒนาคอนเทนต์จะบูมมากแต่ที่น้อยลงเนื่องจากสปีดในการรับ-ส่งข้อมูลช้ารับภาพได้ในลักษณะเล็กๆ เมื่อมีการให้บริการ 3 จี นักพัฒนาคอนเทนต์จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น"
 ****  เอไอเอส มุ่งมั่นเป็นที่หนึ่งทุกด้าน
    นอกจากนี้นายสมชัย ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจาก เอไอเอส ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช.อย่างเป็นทางการมุ่งมั่นเป็นที่หนึ่งในทุก ๆ ด้าน 1.เป็นที่หนึ่งในด้านคุณภาพโครงข่าย,2.ด้านบริการ และ แอพพลิเคชัน
    สำหรับในด้านการแข่งขันนั้น สมชัย เชื่อว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ  3 จี เหมือนกับสินค้าใหม่เมื่อมีสินค้าใหม่ขึ้นมาผู้ให้บริการต้องหาลูกค้าเข้ามาในระบบซึ่งขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และการทำแคมเปญแต่ละค่ายบางค่ายอาจจะเลือกทำแคมเปญทั่วประเทศ บางค่ายอาจจะทำแคมเปญเฉพาะจังหวัดแล้วแต่กลยุทธ์ของผู้ประกอบการแต่ละค่าย
 *** 3-5 ปี ภาพชัดเจน
    อย่างไรก็ตาม สมชัย ยังบอกต่ออีกว่าจำนวนลูกค้าของ เอไอเอส มีทั้งหมด 33 ล้านเลขหมาย เชื่อว่าฐานลูกค้าของ เอไอเอส จะค่อยๆทยอยออกไปอยู่ระบบ 3 จี แต่ก็ยังมีลูกค้าที่ใช้ระบบ 2 จี เช่นเดียวกัน เชื่อว่าภายในระยะเวลา 3-5 ปี ภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น
    นอกจากนี้แล้วกรณีที่ กสทช.ออกใบอนุญาตใหม่เหมือนระบบใหม่เกิดขึ้น 2 แกน แกนแรก คือ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี เป็นการให้บริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูง และ แกนที่สอง คือ เริ่มโครงสร้างระบบโทรคมนาคมใหม่ภายใต้ใบอนุญาตที่เท่าเทียมกันทั้ง 3 ราย เท่ากับว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่พร้อม ๆ กัน และ เกิดการแข่งขันเท่าเทียมกัน
*** เข้าสู่ยุคทอง
    นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสด้านการตลาด ของ ดีแทค กล่าว   เกี่ยวกับอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี 2556 ว่า ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเข้าสู่ยุคทองของตลาดเครื่องทดแทนด้วยการเปลี่ยนเครื่องจากระบบ 2.5 จี มาสู่ยุค 3 จี ที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่บนความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ โดยจำนวนฐานลูกค้าของ ดีแทค ในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 25 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์จำนวน 5-6 ล้านคน และ อีกจำนวน 19 ล้านเครื่องยังไม่เข้ามาสู่ระบบใหม่  ดังนั้นเมื่อ กสทช. ออกใบอนุญาตให้กับ ดีแทค เชื่อว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายต้องทำตลาดเครื่องทดแทนโดยให้ผู้ใช้บริการมาเปลี่ยนเป็นเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี ที่รองรับคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์
    อย่างไรก็ตามการทำตลาดเครื่องทดแทนนั้นขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการแต่ละค่ายจะทำตลาดรุนแรงมากน้อยเพียงไร และ เชื่อว่าภายในระยะเวลา 2 ปีการเปลี่ยนเครื่องเข้าสู่ระบบใหม่จะหมดลง ดังนั้นซัพพลายเออร์โทรศัพท์เคลื่อนที่จะขายเครื่องได้เพิ่มมากขึ้นส่วนผู้ให้บริการแต่ละค่ายเตรียมออกแคมเปญให้ลูกค้าเข้าสู่ระบบใหม่
    "หลัง 3 จีเข้ามาให้บริการจำนวนผู้ใช้บริการทางด้านดาต้า(ข้อมูล) เพิ่มมากขึ้นเพราะเทคโนโลยีใหม่จะทำให้เราสามารถทำอะไรได้เร็วมากขึ้นไม่ว่าอยู่ที่ไหนที่มีสัญญาณเครือข่ายรองรับ" 
 จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,806  วันที่   3 - 5  มกราคม พ.ศ. 2556
Cr: www.thanonline.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น