"โนเกีย" ดัน "ลูเมีย-อาช่า" ตีกินส่วนแบ่งตลาดเก็บยอดขายกลุ่มสินค้าราคา "8,000-12,000 บาท" คาดตลาดรวมทะลุ 6 ล้านเครื่องมีลุ้นคนไทยนั่งแท่น "เอ็มดี" ใหม่
นางสาวนนทวัน สินธวานนท์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หากนับจำนวนยอดขายเครื่องโนเกียยังเป็นที่หนึ่งในตลาดประเทศไทย แต่หากนับเฉพาะสมาร์ทโฟนน่าจะเป็นที่สาม ดังนั้นในปีนี้จึงจะให้ความสำคัญกับสมาร์ทโฟน จากปีที่ผ่านมานำผลิตภัณฑ์เข้ามาในตลาดทั้งหมด 7 รุ่น และปีนี้จะเน้นตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละเซ็กเมนต์ ทั้งตลาดแมสด้วย Asha สมาร์ทโฟนราคาถูก (3,000-4,000 บาท) ซึ่งยอดขายจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เซ็กเมนต์ที่คาดว่าจะโตมากที่สุดปีนี้ของโนเกีย คือผลิตภัณฑ์ที่มีระดับราคา 8,000-12,000 บาทล่าสุดเปิดตัว "Lumia 620" เสริม 820 และ 920 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา ราคา 16,000 บาท และ 20,000 บาท ตามลำดับ สำหรับ Lumia 620 เน้นตลาดแมส ที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟน
เป็นครั้งแรก หรือที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เนื่องจากมองว่าตลาดสมาร์ทโฟนระดับราคาต่ำกว่าหมื่นบาทในประเทศไทยยังโตได้ อีกมาก และ 620 มีระดับราคาย่อมเยาที่สุดในตระกูล Lumia อยู่ที่ 8,250 บาท
"โดย ทั่วไปสมาร์ทโฟนจะเป็นสินค้าคนรุ่นใหม่ ผู้ใช้หลักอายุ 16-29 ปี แต่กลุ่มเป้าหมายของ Lumia 620 เด็กกว่านั้น เน้นนักเรียนนักศึกษาอายุ 16-22 ปี ชูจุดเด่นเรื่องการออกแบบ ถอดเปลี่ยนสีฝาหลังได้ มาพร้อมความสามารถด้านการแต่งภาพและแชร์ภาพ รองรับ NFC มีแอปมากกว่า 120,000 ตัวใช้บนวินโดวส์โฟน"
สำหรับกลยุทธ์การตลาดเน้นทุ่มงบฯโฆษณา และทำกิจกรรมเพื่อผลักดัน Nokia Lumia และ Nokia Asha ต่อจากปีที่ผ่านมา โดยมีแคมเปญใหม่ ๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
นางสาวนนทวันกล่าว ว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนปี 2556 น่าจะมีมากกว่า 6 ล้านเครื่อง โดยที่มีระดับราคาสูงกว่า 10,000 บาทขึ้นไปมีสัดส่วนมากที่สุดในแง่มูลค่าและมากกว่า 20,000 บาท กินส่วนแบ่ง 40%
อย่างไรก็ตาม สมาร์ทโฟนที่มีระดับราคาหลักพันบาทจะมีสัดส่วนมากที่สุดในแง่ยอดขาย โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยจีเอฟเคระบุว่า 80% ของโทรศัพท์มือถือที่จำหน่ายในไทยมีราคาต่ำกว่า 4,500 บาท ส่วนเทรนด์ ที่น่าจับตามองคือโทรศัพท์มือถือระดับราคา 3,000-4,500 บาท เปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟนมาเป็น "แอฟฟอร์เดเบิล สมาร์ทโฟน" หรือสมาร์ทโฟนราคาถูกมากขึ้น
"ไทยเป็นตลาดหลักของโนเกียใน เอเชีย-แปซิฟิก เติบโตสูง จากปัจจัยเรื่องการเกิด3G คลื่น 2.1 GHz ทำให้ไทยได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น บริษัทแม่ให้การสนับสนุนด้านทีมงาน งบประมาณ ได้สินค้าเร็วกว่าและมากกว่าประเทศอื่น"
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นายแกรนท์ แมคบีธ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด ได้ลาออกจากตำแหน่ง และย้ายครอบครัวกลับนิวซีแลนด์ตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสรรหากรรมการผู้จัดการคนใหม่ซึ่งคาดว่าจะเป็นคน ไทย และจะประกาศได้ภายในปลายเดือน ม.ค.นี้ ซึ่งหากเป็นไปตามคาดจะถือเป็นคนไทยคนที่สองที่นั่งในตำแหน่งนี้ โดยคนแรกคือ นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งซีอีโอ บริษัท เคเบิลไทย โฮลดิ้ง จำกัด หรือซีทีเอช
CR: www.prachachat.net
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น